วันอาทิตย์ที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2553

สรุป : ร่าง ข้อบังคับสภาสถาปนิก ว่าด้วย "การพัฒนาวิชาชีพต่อเนื่อง" (พวต.) หรือ CPD



        วิชาชีพสถาปัตยกรรมเป็นวิชาชีพหนึ่งที่ต้องเผชิญ กับภาวะการแข่งขันในกระแสโลกาภิวัฒน์ และการค้าเสรี อาวุธที่ชาติตะวันตก ผู้นำกระแสใช้เป็นเครื่องมือรุกรานทางเศรษฐกิจ ก็คือ การอ้าง "คุณภาพ" ซึ่งเขาพัฒนามานาน จนมีมาตรฐานสูงในเกือบทุกด้าน ไม่ว่าเป็นสินค้า หรืองานบริการที่พยายามส่งออกมายังประเทศคู่ค้า ซึ่งเป็นประเทศกำลังพัฒนา หรือด้อยพัฒนา รวมทั้งประเทศไทยเราด้วย การรับมือการเข้ามาทำงานของสถาปนิกต่างชาติในประเทศ ไม่ใช่โดยวิธีต่อต้าน หากเป็นความจำเป็นต้องเร่งปรับตัว และยกระดับมาตรฐานการปฏิบัติวิชาชีพ โดยการพัฒนาวิชาชีพสถาปัตยกรรมในบ้านเราอย่างเป็นระบบ และเร่งด่วน เพื่อเพิ่มขีดความสามารถ ในการแข่งขันวิชาชีพให้ใกล้เคียง หรือเทียบเท่าระดับสากลมากที่สุด
       สภาสถาปนิกได้ดำเนินการพัฒนาวิชาชีพต่อเนื่องมาหลายปี แต่ก็ยังไม่บรรลุผล คณะกรรมการบริหารชุดปัจจุบันจึงได้กำหนดเป็นภารกิจเร่งด่วนอีกครั้ง และแต่งตั้งคณะอนุกรรมการพัฒนาวิชาชีพอีกครั้ง ในปี 2550 โดยมีกิจกรรมสำคัญที่เร่งรัด 2 ส่วน คือ
       1. การจัดระบบสถาปนิกฝึกหัดเพื่อเข้าสู่วิชาชีพสถาปัตยกรรม (Intern Development Program:IDP)
       2. การจัดระบบพัฒนาวิชาชีพต่อเนื่อง (Continuing Professional Development:CPD) เพื่อให้สมาชิกได้มีโอกาสรับทราบข้อมูลการพัฒนาวิชาชีพสถาปัตยกรรมอย่างครบถ้วนและต่อเนื่อง และเพื่อเป็นแนวทางให้สมาชิกได้ปรับเปลี่ยนวิธีคิด รูปแบบการทำงานและกระบวนทัศน์ของตนเอง เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงสำคัญทางวิชาชีพในประเทศเราได้อย่างเท่าเทียม และเท่าทัน

       "ในการประชุมใหญ่สามัญสภาสถาปนิก ประจำปี 2552 เมื่อวันที่ 25 เมษายน 2552 ได้มีการพิจารณาและผ่านร่างข้อบังคับสภาสถาปนิก 2 ฉบับ ได้แก่

       1) ร่าง ข้อบังคับสภาสถาปนิกว่าด้วยคุณสมบัติของผู้ประกอบวิชาชีพสถาปัตยกรรมควบคุม แต่ละระดับ การออกใบอนุญาต การต่อใบอนุญาต อายุใบอนุญาต การออกใบแทนใบอนุญาต และการออกหลักฐานรับรองการได้รับใบอนุญาต พ.ศ. …. และ
       2) ร่าง ข้อบังคับสภาสถาปนิกว่าด้วยการพัฒนาวิชาชีพต่อเนื่องของผู้ประกอบวิชาชีพ สถาปัตยกรรมควบคุม พ.ศ. ….

       ในร่างข้อบังคับฉบับที่สอง เป็นเรื่องใหม่สำหรับวงการสถาปนิกของไทย นั่นคือเรื่องของ "การพัฒนาวิชาชีพต่อเนื่อง" หรือเรียกโดยย่อว่า "พวต." และรู้จักโดยทั่วไปในภาษาอังกฤษว่า "Continuing Professional Development - CPD" เรื่องของ CPD ได้มีการกล่าวถึงมานานพอสมควรแล้ว พร้อมๆ กับเรื่องของ Internship Development Program - IDP ซึ่งคาดว่าจะมีร่างข้อบังคับตามมาในอนาคต หลักการของการพัฒนาวิชาชีพต่อเนื่องตามที่เขียนไว้ในหลักการและเหตุผลของ ร่างข้อบังคับว่า 'เพื่อเป็นหลักประกันว่าผู้ประกอบวิชาชีพสถาปัตยกรรมจะมีความรู้ความสามารถ ที่ทันสมัยอยู่เสมอ อันจะเป็นการเสริมสร้างความเชื่อมั่นต่อสาธารณชนในการให้บริการวิชาชีพ อีกทั้งเพื่อให้เป็นไปตามหลักการมาตรฐานระดับนานาชาติซึ่งมีการบังคับให้ผู้ ประกอบวิชาชีพได้เพิ่มพูนความรู้ความสามารถและเสริมประสบการณ์ใหม่ๆ ในระหว่างที่ถือใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ'

       สาระสำคัญของร่างข้อบังคับ ฉบับนี้คือ กำหนดให้ผู้ถือใบอนุญาตประกอบวิชาชีพต้องเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ เพื่อเก็บหน่วย พวต. ไว้สำหรับการต่ออายุใบอนุญาต และใช้ประกอบการเลื่อนระดับเป็นสามัญสถาปนิกหรือวุฒิสถาปนิก ซึ่งหลักเกณฑ์โดยทั่วไปก็คือต้องสะสมหน่วยพวต. 12 หน่วยต่อปี ส่วนกิจกรรมพวต. ตามปกติได้แก่ การบรรยาย การฝึกอบรม ประชุมสัมมนา การศึกษาดูงาน หรือการอื่นในทำนองเดียวกัน แต่ก็ยังรวมไปถึงกิจกรรมอีกหลายอย่างที่เป็นการ contribute ให้แก่สังคม แก่วิชาชีพ เช่น การเป็นวิทยากร เขียนบทความหรือแต่งหนังสือตำราทางวิชาการ เสนอผลงานวิจัย การร่วมทำงานในองค์กรหรือสมาคมทางวิชาชีพ ฯลฯ

       ในร่าง ข้อบังคับฉบับนี้ได้กำหนดกรอบของการพัฒนาวิชาชีพต่อเนื่องในเรื่อง ต่างๆ นอกจากเรื่องจำนวนหน่วย พวต. แล้ว ยังได้กำหนดกรอบในเรื่องของ กิจกรรมพวต. ผู้จัดกิจกรรมพวต. การยื่นหลักฐานหน่วยพวต. มาตรการในกรณีหน่วยพวต.ไม่ครบตามที่กำหนด ฯลฯร่างข้อบังคับฉบับนี้มีบทเฉพาะกาลเพื่อยกเว้นไม่ต้องยื่นหลักฐาน พวต. ให้สำหรับการต่ออายุใบอนุญาตและการเลื่อนระดับในระยะ 1 ปีหลังออกข้อบังคับ และผ่อนผันจำนวนหน่วย พวต. สำหรับการต่ออายุและเลื่อนระดับในระยะ 1-5 ปีหลังออกข้อบังคับ"

       ท่านสามารถเข้าไปอ่านร่างนี้ได้ที่ http://download.asa.or.th/03media/04law/aa/draftbrCPD.pdf หรือ http://anon-72.blogspot.com/2010/09/cpd_14.html

       ตามที่ร่างข้อบังคับสภาสถาปนิกว่าด้วยการพัฒนาวิชาชีพต่อเนื่อง (Continuing Professional Development) CPD หรือ พวต. ผ่านการรับรองโดยเสียงส่วนใหญ่ของสมาชิกผู้เข้าประชุมใหญ่สภา สถาปนิกประจำปี 2552 เมื่อวันเสาร์ ที่ 25 เมษายน 2552 แล้ว โดยมีข้อแนะนำจากสมาชิกที่ต้องปรับ แก้ให้ข้อบังคับมีความชัดเจนสมบูรณ์ ก่อนที่สภาฯ จะเสนอกระทรวงมหาดไทยเพื่อประกาศใช้เป็นทางการต่อไป เพื่อให้สมาชิกสภาสถาปนิกทุกท่านได้ทำความเข้าใจถึงที่มา และเหตุผลเจตนารมณ์หลักการ และวิธีดำเนินการในการพัฒนาวิชาชีพต่อเนื่องอีกครั้ง ก่อนที่จะเข้าร่วมกิจกรรมการพัฒนาวิชาชีพต่อเนื่อง คณะอนุกรรมการพัฒนาวิชาชีพ ขอสรุปประเด็นสำคัญเพื่อเผยแพร่แก่สมาชิกทุกท่านอีกครั้งหนึ่ง ดังนี้

เจตนารมณ์ ของ CPD
       1 . การพัฒนาวิชาชีพศึกษาต่อเนื่อง (CPD) เป็นกระบวนการเรียนรู้ตลอดชีวิต (Life Long Learning) ที่ให้สถาปนิกได้มีโอกาสเพิ่มพูนความรู้ และประสบการณ์วิชาชีพใหม่ตลอดเวลา เพื่อให้มีความสามารถในการทำหน้าที่ตอบสนองสังคม และส่วนรวมได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีจริยธรรม และสำนึกรับผิดชอบต่อ ผลกระทบ ที่จะเกิดจากการปฏิบัติวิชาชีพของตน CPD ที่สภาสถาปนิกผลักดันให้เกิดขึ้น มิใช่เป็นเพียงการสร้างความเข้มแข็งในทางวิชาการวิชาชีพแก่สถาปนิกเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการส่งเสริมให้สถาปนิกมีบทบาทในการทำงานเพื่อสังคมด้วยจิตอาสา มีความรับผิดชอบต่อสังคม และสิ่งแวดล้อม เสียสละเวลา และมีส่วนร่วมกิจกรรมจรรโลงวิชาชีพ ตามกำลัง และความถนัดเพื่อร่วมพัฒนาวิชาสถาปัตยกรรมให้เจริญก้าวหน้าไม่หยุดนิ่ง ทั้งในฐานะผู้รับผู้ร่วมกิจกรรม หรือในฐานะผู้ให้ ผู้ชี้แนะแก่สถาปนิกรุ่นเยาว์ ด้วยประสบการณ์ที่ท่านสั่งสมมาตลอดชีวิตการทำงานวิชาชีพ
       2 . เมื่อ CPD กลายมาเป็นเงื่อนไขหนึ่งในการทำงานข้ามพรมแดน (Cross Border) ของสถาปนิกภายใต้สัญญาการค้าเสรี สถาปนิกหลายท่านเห็นว่า CPD กลายเป็นเงื่อนไขข้อกีดกันทางการค้า แต่หากพิจารณาด้วยเหตุผล และใจที่เป็นกลาง CPD เป็นเพียงกลไกเทียบเคียงคุณภาพของสถาปนิกนั่นเอง
       คำถามต่อเนื่องว่าถ้าเราจะไม่สนใจจะไปทำงานร่วมกับสถาปนิกต่างชาติ จะไม่เข้าร่วม CPD ได้หรือไม่ หรือจะเป็นเหตุให้ถูกตัดสิทธิในการได้รับการต่อใบอนุญาตประกอบวิชาชีพหรือไม่ และมีอีกหลายคำถามที่สถาปนิกหลายท่านกังวล และตั้งคำถาม ซึ่งจะขอไปสรุปในคำถามคำตอบท้ายบทอีกที ก่อนอื่นขอให้ข้อมูลซึ่งเป็นประเด็นหลัก ๆ ที่สถาปนิกควรรับทราบเกี่ยว กับ CPD สภาสถาปนิกพิจารณาในการจัดทำข้อบังคับการพัฒนาวิชาชีพ ดังนี้

ผู้จัดกิจกรรม CPD ได้แก่ สถาบัน องค์กร หรือ หน่วยงาน ดังต่อไปนี้
       1. สภา สถาปนิก
       2. องค์กร หรือ สมาคมทางวิชาชีพที่สภาฯ ให้ความเห็นชอบ
       3. สถาบันการศึกษาในระดับอุดมศึกษา ที่ทำการสอนหลักสูตรสถาปัตยกรรมที่ได้รับการรับรองปริญญา อนุปริญญา ประกาศนียบัตร หรือวุฒิบัตร และ สภาฯ ให้ความเห็นชอบ
       4. หน่วยงานของรัฐที่สภาฯ ให้ความเห็นชอบ
       5. สถาบัน องค์กร หรือ หน่วยงานอื่นๆ ที่สภาฯ ให้ความเห็นชอบ ทั้งนี้ผู้จัดกิจกรรม CPD จะต้องเสนอแผนกิจกรรมเพื่อให้สภาฯ พิจารณาให้ความเห็นชอบ รายการกิจกรรม และ การกำหนดหน่วย CPD เสียก่อนที่จะเริ่มต้นกิจกรรมไม่น้อยกว่า 45 วัน

กิจกรรม CPD
       ประเด็นนี้ สมาชิกหลายท่านยังเข้าใจผิดว่า CPD เน้นแต่การฝึกอบรม หรือการศึกษาความรู้ใหม่ๆ เพิ่มเติมเท่านั้น แต่ CPD ที่สภาฯ กำหนดนี้อยู่ในขอบข่ายกิจกรรม ที่ค่อนข้างหลากหลาย ดังต่อไปนี้
       1. การฝึกอบรม / ประชุม สัมมนา หรือ อื่น ๆ
       2. เป็นวิทยากรในหลักสูตร หรือ กิจกรรมตามข้อ 1
       3. เขียนบทความวิชาการ และ เผยแพร่ในการประชุมวิชาการ โดยมีเนื้อหาวิชาชีพ และสภาฯ ให้การรับรอง
       4. เขียนหนังสือ / ตำราวิชาการที่เกี่ยว กับ วิชาชีพ และเผยแพร่ โดยสภาฯ ให้การรับรอง
       5. เสนอผลงานวิจัย / วิชาการต่อที่ประชุมวิชาการโดยมีเนื้อหาวิชาชีพ และสภาฯ ให้การรับรอง
       6. สำเร็จการศึกษาในระดับสูงขึ้น ในหลักสูตร / สาขาที่สภาฯ ให้การรับรอง
       7. เป็นกรรมการ / อนุกรรมการ / คณะทำงานในสภาฯ หรือองค์กรวิชาชีพที่สภาฯ ให้การรับรอง
       8. เป็นครูพี่เลี้ยงในโครงการสถาปนิกฝึกหัด
       9. กิจกรรมอื่น ๆ ได้แก่ การเป็นผู้แทนของสภาฯ องค์กรวิชาชีพ ที่สภาฯ รับรอง / การเป็นกรรมการ / อนุกรรมการ อื่น ๆ / การเข้าร่วมกิจกรรมจรรโลงวิชาชีพ – บริการสังคม / การเข้าร่วมประชุมใหญ่สภาฯ และสมาคมวิชาชีพ ซึ่งต้องเข้าร่วมไม่น้อยกว่า 1 ครั้ง ใน 5 ปี
       10. การเข้าร่วมกิจกรรมบรรยาย ประชุม สัมมนาโดยองค์กร อื่น ๆ ที่ไม่ใช่ผู้จัดกิจกรรม พวต . ที่สภาฯ ให้การรับรองเนื้อหา สาระวิชา / กิจกรรมฝึกอบรมเพิ่มพูนความรู้ ความสามารถเท่าที่สำรวจจากโครงการ CPD ที่นานาประเทศดำเนินการ และที่คณะอนุกรรมการพัฒนา สรุป เสนอสภาพัฒนา จะครอบคลุมเนื้อหาดังต่อไปนี้
              1. การรื้อฟื้นหลักการ และความรู้พื้นฐานด้านต่าง ๆ เช่น ออกแบบ / เทคโนโลยีการก่อสร้าง / สิ่งแวดล้อม / นิเวศน์วิทยา
              2. ระเบียบ / กฎหมาย / เทคนิคการปฏิบัติวิชาชีพ ที่เปลี่ยนแปลง หรือปฏิบัติเป็นสากล
              3. ความก้าวหน้าทางวิชาการ และวิชาชีพโดยตรง
              4. ความก้าวหน้าทางวิชาการ และวิชาชีพที่เกี่ยวข้อง / ข้างเคียง เช่น เทคโนโลยี การก่อสร้าง / วัสดุก่อสร้างใหม่ๆ เทคโนโลยีเพื่อการออกแบบ
              5. ความรู้เฉพาะทาง และที่ได้รับประกาศนียบัตร / ปริญญา
              6. ความรู้ด้านการศึกษา และการวิจัยสถาปัตยกรรม
              7. การทำงานบริการสังคม และเพื่อการจรรโลงวิชาชีพ

       หมายเหตุ : กิจกรรม CPD และเนื้อหาสาระวิชา / กิจกรรมฝึกอบรมนี้ผู้จัดกิจกรรม พวต. แต่ละแห่ง จะต้องวางแผนกิจกรรม โดยพิจารณาให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ และความพร้อมของตน และนำเสนอเพื่อให้สภาฯ ให้การรับรองก่อนประกาศใช้ สถาปนิกทั้งหลายสามารถเลือกทำกิจกรรมข้ามสาขาได้ซึ่งจะทำให้โอกาสเข้าร่วมกิจกรรมมีหลากหลายตามความสนใจของตน

การรับรองหน่วย CPD
       ให้ผู้จัดกิจกรรม CPD เป็นผู้ออกเอกสารรับรองหน่วย CPD ให้แก่ผู้ประกอบวิชาชีพที่ผ่านการเข้าร่วมหลักสูตร หรือกิจกรรม เพื่อเป็นหลักฐานให้ผู้จัดกิจกรรม CPD รายงานการรับรองหน่วย CPD ให้แก่สภาฯ ภายใน 30 วัน นับจากวันสิ้นสุดกิจกรรม การเข้าร่วมกิจกรรม CPD ผู้ประกอบวิชาชีพสามารถเลือกเข้ารับ หรือเข้าร่วมกิจกรรม CPD ใดก็ได้โดยอิสระ เพื่อให้ได้รับหน่วย CPD ตามหลักเกณฑ์ ดังนี้
       1. ผู้ประกอบวิชาชีพที่ต้องการต่อใบอนุญาตฯ จะต้องได้รับหน่วย CPD ไม่น้อยกว่า 60 หน่วย (หรือ 12 หน่วย ต่อปี ตลอด ระยะ เวลา 5ปี)
       2. หน่วย CPD ที่ต้องทำไม่น้อยกว่า 2 ใน 3 ของจำนวน หน่วย CPD ที่ต้องการทั้งหมดต้องได้รับจากการเข้าร่วมกิจกรรม CPD ที่มีเนื้อหาสาระเกี่ยวข้องโดยตรง กับวิชาชีพสถาปัตยกรรมในสาขาของตน ตามที่สภาฯ กำหนด
       3. หน่วย CPD สะสมได้มากที่สุดไม่เกิน 20 หน่วยในแต่ละปี

       หมายเหตุ : ระยะแรกของการเริ่มเข้าสู่ CPD ผู้จัดกิจกรรม CPD น่าจะส่งเสริมสนับสนุนให้สถาปนิกเข้าร่วมกิจกรรมโดยกำหนดหน่วย CPD ให้สูงไว้ก่อน เพื่อให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมมีโอกาสสะสมคะแนนให้ได้ครบ โดยไม่ต้องทำกิจกรรมมากจนเป็นภาระ และให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมค่อยๆ เกิดความคุ้นเคยในที่สุด การยื่นหลักฐาน CPD ของผู้ประกอบวิชาชีพต่อสภาฯ ผู้ประกอบวิชาชีพมีหน้าที่จะต้องยื่นหลักฐานการเข้าร่วม CPD ต่อสภาฯ เพื่อเป็นหลักฐานในการขอต่อใบอนุญาตฯ หรือขอรับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ
สถาปัตยกรรมควบคุมระดับสามัญสถาปนิก หรือวุฒิสถาปนิก

       พลเรือ เอกฐนิธ กิตติพน นายกสภาสถาปนิก ประกาศกับสื่อมวลชนว่า.... สภาสถาปนิกมีแนวคิดที่จะออกข้อบังคับสภาสถาปนิกว่าด้วยการพัฒนาชาชีพต่อ เนื่อง (พวต.) เพื่อเพิ่มโอกาสให้สถาปนิกได้พัฒนาความรู้อย่างต่อเนื่อง จากเดิมที่สถาปนิกเมื่อสอบใบประกอบวิชาชีพแล้วก็จะสามารถใบประกอบวิชาชีพ นั้นตลอดชีพ แต่หลังจากนี้สถาปนิกทุกคนจะต้องพัฒนาวิชาชีพต่อเนื่อง โดยกำหนดให้แต่ละคนจะต้องทำให้ได้ 12 หน่วยกิต/ปี ซึ่งหน่วยกิตจะได้มาด้วยการ เข้าร่วมประชุมกับสมาคมวิชาชีพทั้ง 4 สาขา, เข้าร่วมชมงานของแต่ละวิชาชีพ, ฟังบรรยายทั้งจากสมาคมวิชาชีพหรือตามมหาวิทยาลัยจะได้เรื่องละ 1 หน่วยกิต, เป็นคณะอนุกรรมการ คณะทำงาน, เป็นอาจารย์สอนพิเศษในมหาวิทยาลัย หรือเขียนหนังสือเผยแพร่

        นอกจากนี้สภายังกำหนดให้นักศึกษาที่จบการศึกษาจะต้องฝึกงานสถาปนิกเป็น เวลา 2 ปี จึงจะสามารถสอบใบอนุญาตประกอบวิชาชีพได้ เพื่อเพิ่มทักษะจากที่ได้เรียนรู้มาและมีทักษะในการออกแบบได้อย่างมี ประสิทธิภาพ ตามหลักสูตร 5 ปี รวมแล้วจะต้องใช้เวลา 7 ปี จึงจะสามารถสอบใบประกอบวิชาชีพได้ ข้อบังคับดังกล่าวขณะนี้อยู่ระหว่างกระทรวงมหาดไทยประกาศใช้

        “การพัฒนาวิชาชีพต่อเนื่องก็เพื่อให้สถาปนิกไทยได้พัฒนาความรู้ความ สามารถให้ทันสมัยอยู่ต่อตลอดเวลาให้สถาปนิกไทยสามารถแข่งขันกับทั่วโลกได้ เพื่อรองรับการเปิดเสรีวิชาชีพสถาปนิกที่จะเริ่มทยอยเปิดในปีหน้า” 




       ภาพบรรยากาศ และรายละเอียดอื่นๆ ระหว่างการสัมมนา และบทสรุปงาน ASA เสวนา ตอน CPD..ดี (หรือไม่ดี) จริงหรือ? สามารถเข้าไปอ่านเพิ่มเติมได้ที่ http://www.asa.or.th/?q=node/99721

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น